ในประเทศไทยมีผู้ให้บริการ Payment Gateway หลากหลายเจ้า ซึ่งแต่ละรายมีจุดเด่น เงื่อนไข ค่าธรรมเนียม และการรองรับช่องทางการชำระเงินที่แตกต่างกัน การเลือกใช้บริการที่เหมาะสมจึงช่วยให้ร้านค้าลดต้นทุน เพิ่มความน่าเชื่อถือ และให้ลูกค้าชำระเงินได้สะดวกมากขึ้น

6 Payment Gateway ที่ได้รับความนิยมในไทย

1. Omise (Opn Payments)

• ✅ รองรับบัตรเครดิต/เดบิต, QR Code, TrueMoney Wallet, PromptPay

• ✅ API เชื่อมต่อดี เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ที่มีทีม Dev

• ✅ มีระบบ Subscription/Recurring payment

• 📌 ค่าธรรมเนียม: 3.65% ต่อรายการ (บัตรเครดิต), 1.80% (PromptPay)

---

2. GB Prime Pay

• ✅ ค่าธรรมเนียมถูก รองรับหลากหลายช่องทาง

• ✅ มีปลั๊กอินสำหรับ WooCommerce, Magento, Shopify

• ✅ รองรับผ่อนชำระและ recurring payment

• 📌 ค่าธรรมเนียม: เริ่มต้น 2.5% หรือเจรจาได้ตามปริมาณธุรกรรม

---

3. 2C2P (easy2pay)

• ✅ รองรับการชำระเงินแบบครบวงจร รวมถึง Alipay, WeChat Pay

• ✅ เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่หรือขายต่างประเทศ

• 📌 ค่าธรรมเนียม: เจรจาตามประเภทธุรกิจ

---

4. Thai QR Payment (PromptPay ผ่านธนาคาร)

• ✅ ใช้งานง่าย ลูกค้าคุ้นเคย

• ✅ ไม่เสียค่าธรรมเนียม หรือคิดน้อยมาก (ขึ้นกับธนาคาร)

• ❌ ไม่มีระบบแจ้งยอดอัตโนมัติ เว้นแต่เชื่อมระบบเพิ่มเติม

• 📌 เหมาะกับร้านเล็ก-กลางที่ต้องการความเร็วและต้นทุนต่ำ

---

5. SCB Payment Gateway

• ✅ ระบบจากธนาคารโดยตรง รองรับ QR, บัตรเครดิต

• ✅ มี Dashboard สำหรับดูรายการ

• ❌ การสมัครต้องยื่นเอกสารมากกว่าผู้ให้บริการเอกชน

• 📌 ค่าธรรมเนียม: 2.75%–3.50% แล้วแต่ช่องทาง

---

6. Line Pay / TrueMoney Wallet

• ✅ เหมาะกับธุรกิจที่ขายผ่านมือถือหรือกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น

• ✅ รองรับการจ่ายผ่านแอปที่คนไทยใช้งานบ่อย

• 📌 ค่าธรรมเนียม: 2%–3% โดยเฉลี่ย

---

ตารางเปรียบเทียบ (สรุป)

---

สรุป

การเลือก Payment Gateway ที่เหมาะสมต้องคำนึงถึง:

• ขนาดธุรกิจและปริมาณยอดขาย

• ความสะดวกของลูกค้าในการชำระเงิน

• ค่าธรรมเนียมต่อรายการ

• ความสามารถในการเชื่อมต่อระบบ

• บริการหลังการขาย

หากคุณเป็นร้านค้าใหม่หรือ SME การเริ่มจากระบบอย่าง GB Prime Pay หรือ PromptPay ก็เพียงพอ
ถ้าคุณเป็นเว็บใหญ่หรือมีทีมพัฒนา Omise หรือ 2C2P จะยืดหยุ่นและรองรับการเติบโตในอนาคตได้ดี