เมื่อเลือกผู้ให้บริการ Payment Gateway ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเชื่อมต่อระบบให้ลูกค้าสามารถ “กดจ่ายเงิน” ได้สะดวกและปลอดภัยบนเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าคุณจะใช้เว็บสำเร็จรูป (เช่น Shopify, WordPress, Wix) หรือเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้นเอง บทความนี้จะสรุปวิธีเชื่อมต่อให้เข้าใจง่ายที่สุด
เช่น Shopify, WooCommerce, Wix, Shopline,Prowebcreate ฯลฯ
ค้นหา "Payment Gateway" ที่รองรับใน Marketplace ของระบบ
ตัวอย่าง:
WooCommerce: ค้นหา “Omise Payment Gateway” แล้วคลิก “ติดตั้ง”
Shopify: เลือกผู้ให้บริการจากเมนู Settings > Payments
Prowebcreate : ทีมงานตั้งค่าระบบให้ทั้งหมด ลูกค้าไม่ต้องทำเอง
เมื่อสมัครใช้งานกับ Payment Gateway แล้ว จะได้รับ API Key
คัดลอกมาใส่ในหน้าการตั้งค่าปลั๊กอิน
เลือกรูปแบบการชำระเงินที่รองรับ เช่น บัตรเครดิต, QR, Wallet
ตั้งค่าหน้า “สำเร็จ” หรือ “ล้มเหลว” เพื่อส่งลูกค้ากลับมายังหน้าเว็บ
ผู้ให้บริการส่วนมากมีระบบทดสอบ ให้ลองชำระเงินแบบจำลองก่อนเปิดใช้งานจริง
ยื่นเอกสารบริษัท/ร้านค้า + บัญชีธนาคาร
ได้รับ Public Key / Secret Key หรือ Token
แต่ละเจ้าเช่น Omise, GB Prime Pay, 2C2P, SCB มีคู่มือชัดเจน
มี SDK ภาษา PHP, Node.js, Python, JavaScript ให้ใช้งาน
ส่งข้อมูลไปยัง Payment API
รับผลลัพธ์ธุรกรรมแล้วอัปเดตสถานะคำสั่งซื้อ
เพื่อรับการแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อมีการชำระเงินสำเร็จ
ข้อควรระวัง | คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ |
---|---|
ตรวจสอบ API Key ว่าถูกต้องหรือไม่ | แยก Key สำหรับ Production / Sandbox |
อย่าลืมเข้ารหัสข้อมูลบัตร | ใช้ HTTPS และ Tokenization เสมอ |
ค่าธรรมเนียมถูกซ่อนไว้หรือไม่? | อ่านสัญญาให้ละเอียดก่อนเชื่อมต่อระบบ |
Webhook ล้มเหลว = ไม่ได้เงิน | ตรวจสอบระบบแจ้งเตือนบิลอย่างสม่ำเสมอ |
การเชื่อมต่อ Payment Gateway อาจดูซับซ้อนในช่วงแรก แต่เมื่อเข้าใจโครงสร้างของมันแล้ว ทั้งเว็บสำเร็จรูปและเว็บพัฒนาเองสามารถทำให้ลูกค้าชำระเงินได้รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพอย่างมาก หากคุณยังไม่มั่นใจ ควรเริ่มจากแพลตฟอร์มที่มีปลั๊กอินพร้อมใช้งานก่อน แล้วค่อยขยายไปสู่ระบบ API ในอนาคต
หมายเหตุ Prowebcreate : ทีมงานตั้งค่าระบบให้ทั้งหมด ลูกค้าไม่ต้องทำเอง