เมื่อธุรกิจออนไลน์เติบโตขึ้น สิ่งที่เจ้าของร้านหลายคนต้องตัดสินใจก็คือ “จะเลือกใช้ Payment Gateway แบบไหนดี?” เพราะการเลือกผิดอาจทำให้ลูกค้าชำระเงินยาก รายได้สะดุด หรือเสียค่าธรรมเนียมเกินจำเป็น

บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจ ประเภทของ Payment Gateway และวิธีเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจของคุณ

ประเภทของ Payment Gateway

Payment Gateway สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

1. Hosted Payment Gateway (เกตเวย์แบบเชื่อมโยงภายนอก)

คือระบบที่พาไปหน้าชำระเงินของผู้ให้บริการ เช่น Omise, GB Prime Pay, 2C2P หรือ PromptPay QR ของธนาคาร
ตัวอย่าง: ลูกค้ากด “ชำระเงิน” แล้วถูกเปลี่ยนหน้าไปยังเว็บไซต์ของ Omise หรือธนาคารเพื่อกรอกข้อมูลบัตรเครดิต

✅ ข้อดี:

• ความปลอดภัยสูง (ข้อมูลบัตรอยู่กับผู้ให้บริการ)

• ติดตั้งง่าย ไม่ต้องพัฒนาเยอะ

• ลดความรับผิดชอบด้านกฎหมายข้อมูล (เช่น PCI DSS)

❌ ข้อจำกัด:

• UX ไม่ต่อเนื่อง ลูกค้าถูกเปลี่ยนหน้าไปที่อื่น

• อาจลดความเชื่อมั่นบางกลุ่มลูกค้า

2. Integrated/On-site Payment Gateway (เกตเวย์แบบฝังในเว็บไซต์)

คือระบบที่ให้ลูกค้ากรอกข้อมูลการชำระเงินภายในเว็บไซต์ของร้านค้า โดยผู้ให้บริการเกตเวย์ทำหน้าที่เบื้องหลัง
ตัวอย่าง: ลูกค้ากรอกข้อมูลบัตรภายในหน้า checkout บนเว็บไซต์ร้าน

✅ ข้อดี:

• ประสบการณ์ใช้งานราบรื่น ไม่เปลี่ยนหน้า

• เพิ่มความไว้วางใจและลดการละทิ้งตะกร้าสินค้า

• ควบคุมการออกแบบหน้า UI/UX ได้เต็มที่

❌ ข้อจำกัด:

• ต้องมีทีมพัฒนาเชื่อม API

• ร้านค้าต้องรับผิดชอบความปลอดภัยมากขึ้น เช่น ต้องปฏิบัติตาม PCI DSS

วิธีเลือก Payment Gateway ให้เหมาะกับธุรกิจ

1. พิจารณาช่องทางการชำระเงินที่ลูกค้านิยม

• ถ้าลูกค้าใช้บัตรเครดิตมาก → ควรเลือกเกตเวย์ที่รองรับ Visa/MasterCard/JCB

• ถ้าขายผ่านโซเชียล/มือถือ → ต้องรองรับ PromptPay, QR Code หรือ Mobile Banking

• ถ้าขายต่างประเทศ → ต้องรองรับ PayPal หรือบัตรเครดิตสากล

2. ดูค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายแฝง

• บางเกตเวย์คิดค่าธรรมเนียมต่อรายการ (เช่น 2.5% ต่อรายการ)

• บางเจ้าเก็บค่ารายเดือนหรือค่าธรรมเนียมถอนเงิน

3. พิจารณาจำนวนรายการต่อวัน/เดือน

• ถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็ก → Hosted Gateway อาจเพียงพอ

• ถ้าเป็นธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ → ควรเลือก Integrated Gateway เพื่อควบคุม UX และบริหารต้นทุนได้ดีกว่า

4. ความง่ายในการติดตั้ง

• ใช้เว็บสำเร็จรูปอย่าง Shopify, Wix หรือ WordPress? → เลือกเกตเวย์ที่มีปลั๊กอินติดตั้งง่าย

• มีทีมพัฒนา? → ใช้แบบ API เพื่อให้ยืดหยุ่นสูงสุด

5. ความน่าเชื่อถือและบริการหลังการขาย

• เลือกผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียง รองรับภาษาไทย มีบริการลูกค้า และอัปเดตระบบสม่ำเสมอ

สรุป

การเลือก Payment Gateway ที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของ “จ่ายเงินได้” หรือไม่ แต่ต้องพิจารณา ประสบการณ์ของลูกค้า, ต้นทุนธุรกิจ, และ การเติบโตในอนาคต ให้สอดคล้องกัน ถ้าเลือกถูกตั้งแต่ต้น คุณจะสามารถขยายธุรกิจได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และไม่เสียโอกาสทางรายได้