ในปี 2025 การเลือก Payment Gateway ที่เหมาะสมกับธุรกิจไม่ใช่แค่เรื่อง "จ่ายเงินได้" เท่านั้น แต่ต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้า รูปแบบธุรกิจ และความต้องการเฉพาะด้าน เพื่อให้กระบวนการชำระเงินลื่นไหล ปลอดภัย และเพิ่มโอกาสปิดการขาย
ควรมี:
รองรับบัตรเครดิต/เดบิต, พร้อมเพย์, Mobile Wallet
ปลั๊กอินที่เชื่อมต่อกับระบบร้านค้า (เช่น WooCommerce, Shopify, Magento)
ระบบผ่อนชำระ และจ่ายเงินปลายทาง (COD) ถ้าจำเป็น
ตัวอย่าง Gateway แนะนำ:
Omise, Prowebcreate (ค่าธรรมเนียมถูก), 2C2P, ThaiEPay
ควรมี:
รองรับ QR Payment (PromptPay) และ Mobile Wallet
เชื่อมต่อกับระบบ POS หรือ Tablet Order ได้
การชำระแบบไม่สัมผัส (Contactless) สำคัญในยุคหลังโควิด
ตัวอย่าง Gateway แนะนำ:
SCB Easy Pay, KBank QR, AirPay, LINE Pay,Prowebcreate (ค่าธรรมเนียมถูก)
ควรมี:
รองรับการเก็บข้อมูลบัตรแบบปลอดภัย (Tokenization)
ระบบตัดบัตรอัตโนมัติรายเดือน/รายปี
รองรับการออกใบกำกับภาษี/ใบเสร็จอัตโนมัติ
ตัวอย่าง Gateway แนะนำ:
Stripe (ถ้าขายต่างประเทศ), Omise, Xendit, Prowebcreate (ค่าธรรมเนียมถูก)
ควรมี:
ระบบจองและจ่ายล่วงหน้าได้แบบปลอดภัย
รองรับบัตรเครดิตต่างประเทศ, ระบบผ่อนชำระ
ระบบคืนเงิน (Refund) และยกเลิกคำสั่งซื้อได้ง่าย
ตัวอย่าง Gateway แนะนำ:
2C2P, Paypal, KBank Gateway, Thai Payment Network, Prowebcreate (ค่าธรรมเนียมถูก)
ควรมี:
ระบบรับเงินหลายสกุลเงิน (Multi-currency)
เชื่อมกับลิงก์จ่ายเงินง่าย ๆ (Payment Link) หรือ QR Code
มีระบบ Invoice หรือแจ้งยอดอัตโนมัติ
ตัวอย่าง Gateway แนะนำ:
Stripe, Paypal, Omise, Xendit, Prowebcreate (ค่าธรรมเนียมถูก)
ควรมี:
Terminal สำหรับบัตรเครดิต, QR Payment
เชื่อมกับระบบ POS และสต็อก
รองรับลูกค้าที่ไม่มีแอปธนาคาร เช่นนักท่องเที่ยว
ตัวอย่าง Gateway แนะนำ:
KBank Merchant, BBL EDC, TrueMoney, ShopeePay, Prowebcreate (ค่าธรรมเนียมถูก)
ค่าธรรมเนียม: รูปแบบรายครั้ง รายเดือน หรือเปอร์เซ็นต์
ระยะเวลาการรับเงิน: โอนวันถัดไป (T+1), รายสัปดาห์ ฯลฯ
ความน่าเชื่อถือ: มีมาตรฐาน PCI-DSS, SSL, Fraud Detection
บริการหลังการขาย: Support ภาษาไทย, มีทีมช่วยติดตั้ง